ส่องสถานการณ์โรงแรมพัทยาหลังโควิด: ฟื้นตัวจริงหรือแค่ภาพลวงตา?

สำรวจมุมมองเจ้าของโรงแรม 2-4 ดาว การเปลี่ยนแปลงของนักท่องเที่ยว และอนาคตของธุรกิจโรงแรมในพัทยา

post date  โพสต์เมื่อ 16 ก.พ. 2568   view 3030
article

วันนี้ตื่นเช้ามากกก
เพราะมีใบสั่งให้ไปคุยกับเจ้าของ
เพื่อดิลการซื้อขายโรงแรม 3 โรงในพัทยา
.
ทำให้ได้รู้ข้อมูลเชิงลึก
ของผู้ประกอบการบางส่วนมาใส่หัว
ว่าสถานการณ์โรงแรมที่พัทยาเป็นอย่างไร
ในมุมผู้ประกอบการอย่างเจ้าของโรงแรม
ขนาด 2-4 ดาว
.
.
.
อย่างแรกเลยคือ
ดีขึ้นจากโควิดพอสมควร
บางโรงอาจจะดีขึ้นกว่าโควิด
แต่หลายโรงก็ยังมองว่า
เหมือนจะดี
แต่ก็ยังไม่ได้ดีเท่าสมัยก่อนโควิด
.
ใครที่รอดมาจนถึงตอนนี้
จากที่เคยประกาศขายช่วงโควิด
ตอนนี้เปลี่ยนใจไม่ขายแล้ว
ซ้ำยังปรับราคาสูงขึ้น
เพราะเจ้าของมองว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น
.
แต่ก็มีเจ้าของรายใหม่บางคน
ที่มองเห็นแล้วว่า
โรคระบาดส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมเป็นอย่างมาก
จึงเปลี่ยนใจไม่คิดดำเนินกิจการต่อ
ขายไปแล้วเอาเงินก้อนไปทำอย่างอื่นน่าจะดีกว่า
.
ซึ่งจะเห็นโรงแรมหลายหลัง
ที่ตอนนี้ก็ยังไม่เปิดกิจการ
และขายทิ้งในสภาพที่ยังใหม่มาก
.
ส่วนคนที่ล้มจากโควิด
ก็มีหลายเจ้าที่ยังไม่ฟื้น
เพราะช่วงโควิดเรียกว่าหมดเนื้อหมดตัว
ไม่มีเงินสำรองในการรันธุรกิจต่อ
จะซ่อมหรือปรับปรุงอะไรตามสถานการณ์
ล้วนเป็นสิ่งที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
.
ซ้ำร้ายสถาบันการเงินบ้านเรา
ได้ปรับมุมมองเกี่ยวกับธุรกิจโรงแรม
ว่าเป็นธุรกิจที่ Sensitive
ต่อภัยพิบัติและโรคระบาด
ทำให้ไม่ปล่อยวงเงินสินเชื่อออกมา
หรือเงื่อนไขการปล่อยก็ตึงมากๆ
จนทำให้ผู้ประกอบการเดินต่อไปไม่ได้
.
#ลูกค้า
ลูกค้าหลักบางส่วน
ได้หายไปจากช่วงโควิด
และตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา
.
กลุ่มลูกค้าตลาดในปัจจุบัน
กลุ่มหลักยังคงเป็นชาวรัสเซีย
และบางโซนในพัทยา
กลุ่มลูกค้าอินเดีย
ยังคงเป็นลูกค้าหลักเหนียวแน่น
.
เกาหลีและญี่ปุ่นมาพัทยาเพื่อมาตีกอล์ฟ
มากกว่าการมาสัมผัสบรรยากาศทะเล
.
ส่วน นทท โซนเอเชีย เช่น
เวียตนาม อินโด มาเลเซีย
ก็ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
.
พออ่านถึงนี่แล้วก็จะมีคนสงสัยว่า
เอ๊ะ...แล้วคนจีนล่ะ?
ใช่ครับ วันนี้ผมเองก็ประหลาดใจ
แทบไม่เห็นคนจีนเลย
.
จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนพัทยา
มีแนวโน้มลดลง
เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด
และยังไม่กลับมาเหมือนช่วงก่อนการระบาด
.
เศรษฐกิจจีนเองก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่
เงินหยวนมีทรงอ่อนค่า (เงินไทยก็เช่นกัน)
.
และพฤติกรรมการเที่ยวของจีนเริ่มเปลี่ยนไป
จากเป็นกรุ๊ปทัวร์กลุ่มใหญ่
เริ่มแตกย่อยเป็นกลุ่มเล็กๆ
และมองหาที่ใหม่ๆในการทองเที่ยว
.
และสิ่งที่ซ้ำให้ความเชื่อมั่นของ นนท จีนลดลงอย่างมาก
คือดาราจีน (ซิงซิง) ที่ถูกลักพาตัวไป
ทำให้ นนท จีนกังวลเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก
จึงทำให้ นนท จีนหันไปเที่ยวประเทศอื่น
ที่มีความปลอดภัยกว่า
เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือตะวันออกกลาง
.
สิ่งที่จะเป็นแรงกระตุ้น
ให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของพัทยา
และธุรกิจโรงแรมดีขึ้น
เทียบเท่ากับสมัยก่อนโรคระบาด
.
คงต้องหวังให้ทางรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่น
และด้านความปลอดภัย
รวมถึงปรับกลยุทธ์
เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมา
(จะหวังได้มั้ยน้า)
.
.
.
#เสริมอีกนิด
หลายมาเดือนแล้ว
ที่เริ่มสังเกตุเห็นคนจีนในห้วยขวาง
ก็เริ่มบางตาลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
.
ร้านอาหารและร้านค้าหลายแห่ง
ที่เคยเปิดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีน
ต้องปิดตัวลงประมาณ 30%
บนถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ
.
สาเหตุหลัก
ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง
ในย่านห้วยขวาง
.
คือการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวจีน
มักเลือกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ
เช่น ภูเก็ต สมุย พัทยา และเกาะล้าน
มากกว่าที่จะใช้เวลาในกรุงเทพฯ
.
ทำให้กรุงเทพฯ
กลายเป็นเพียงทางผ่าน
ไม่ใช่จุดหมายปลายทางหลักเหมือนในอดีต
.
แต่ก็ยังมีศาลพระพิฆเนศ
ตรงสี่แยกห้วยขวาง
ที่ยังทำให้มี นนท จีนบางส่วนมาเยือน
.
การลดลงของ นทท จีนในย่านห้วยขวาง
ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในพื้นที่อย่างชัดเจน
ร้านค้าหลายแห่งต้องปิดตัวลง
หรือต้องปรับตัวเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่
ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการในย่านนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง (3)